Contact us on +668 4668 1993 or aspasign2020@gmail.com

PLANB กำไรปกติ Q1 ที่ 96 ลบ. ลด 37.8% โควิดพ่นพิษ, ชะลอลงทุนโครงการใหม่

PLANB กำไรปกติ Q1 ที่ 96 ลบ. ลด 37.8% โควิดพ่นพิษ, ชะลอลงทุนโครงการใหม่
June 14, 2020 dhammarong

ทันหุ้น-สู้โควิด : PLANB เผยกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติในไตรมาส 1/63 อยู่ที่ 95.8 ล้านบาท ลดลง 37.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 154.1 ล้านบาท ขณะที่บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนโครงการที่ดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งการติดตั้งสื่อในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven และการลงทุนในการสร้างป้ายรถโดยสร้างประจำทางอัจฉริยะ แต่ชะลอแผนการลงทุนใหม่ เพื่อรักษาความมั่นคงในสถานะทางการเงินในช่วงวิกฤตโควิด-19

บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด(มหาชน) หรือ PLANB แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ถึงผลดำเนินงานไตรมาส 1/63 มีกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่ 83.65 ล้านบาท ลดลง 45.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 154.07 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 95.8 ล้านบาทลดลง 37.8%

ส่วนรายได้รวมของบริษัทเท่ากับ 974.3 ล้านบาท ลดลง 19.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน, EBITDA เท่ากับ 566.9 ล้านบาท เติบโต 32.3% รายได้ที่ลดลง เป็นผลจากรายได้จากสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัยที่เป็นรายได้หลักลดลงเล็กน้อย และรายได้จากการตลาดแบบมีส่วนร่วมมีการเลื่อน

การรับรู้รายได้ เนื่องจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่เดือน มี.ค. ซึ่งภาครัฐออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในวงกว้างทั้งจากมาตรการล็อคดาวน์ และการประกาศเคอร์ฟิว ทำให้สื่อโฆษณาได้รับผลกระทบ

นายปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนบี มีเดีย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯ รอบสามเดือนแรกสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ภาพรวมกลุ่มธุรกิจสื่อโฆษณาโดยรวมลดลงเล็กน้อย ประมาณ 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสื่อโฆษณาเติบโตสูงสุดยังคงเป็นสื่อโฆษณาดิจิทัล ที่เติบโต 12% ด้วยอัตราการใช้สื่อโดยรวม (Utilization Rate) ที่ระดับ 60%

ขณะที่กำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 96 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมผลกระทบจากการปรับมาใช้มาตรฐานบัญชี TFRS16 เนื่องจากผลกระทบจากวิกฤตการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่เริ่มมาตั้งแต่ปลายไตรมาสที่ 1 ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาในระยะสั้น

อย่างไรก็ตามรายได้จากการตลาดแบบมีส่วนร่วม หรือ Engagement marketing ลดลง 65% จากการปรับกลยุทธ์ด้านเวลาและรูปแบบกิจกรรมให้สอดคล้องกับมาตราการควบคุมการแพร่ระบาด เช่นมีการเลื่อนการเลือกตั้ง BNK48 General Election มาอยู่ในไตรมาสที่ 2 แทน ซึ่งมี

รายได้ประมาณ 170 ล้านบาท

**เดินหน้าลงทุนโครงการที่มีอยู่

ถึงแม้การดำเนินธุรกิจของบริษัทในปัจจุบันจะประสบกับความท้าทายในระยะสั้น บริษัทฯ ยังเชื่อว่าอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาในประเทศไทยจะกลับมาเติบโตได้อย่างต่อเนื่องหลังผ่านวิกฤตโควิด-19  โดยจะเกิดความสมดุลระหว่างสัดส่วนเม็ดเงินของ 3 สื่อหลักมากขึ้น กล่าวคือทีวี ออนไลน์ และสื่อนอกบ้าน จากเดิมที่ปัจจุบันทีวีครองงบโฆษณาสูงสุด มีสัดส่วนกว่า 50% โดยในปัจจุบันแพลนบีมีเครือข่ายทางสื่อนอกบ้านที่แข็งแรงที่สุด ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ

เพื่อต่อยอดการเติบโตอย่างมั่นคง บริษัทฯ ยังคงการลงทุนและพัฒนาเพิ่มพื้นที่สื่อโฆษณาอย่างต่อเนื่อง ด้วยสื่อโฆษณาที่มีความหลากหลาย นวัตกรรมที่ทันสมัย และครอบคลุมมากที่สุด การปรับโครงสร้างเงินทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยโครงการหลักในปี 2563 จะประกอบด้วย การลงทุนและทำสัญญาบริหารจัดการสื่อโฆษณาภายในประเทศทั้งหมดให้กับ MACO การติดตั้งสื่อในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ทั้งหมด 1,000-1,200 สาขา เพื่อเพิ่มการเข้าถึงผู้บริโภคในจุดที่เป็น Point of sale และการลงทุนในการสร้างป้ายรถโดยสร้างประจำทางอัจฉริยะ Smart bus shelter และป้ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ จากการชนะประมูลของสำนักงานการจราจรและขนส่งกรุงเทพมหานคร

**เปิดแผนธุรกิจ

นอกจากนี้ บริษัทฯ เห็นว่าการทำการตลาดในอนาคตควรมีการพัฒนาคอนเทนต์ที่น่าสนใจ ผ่านการเพิ่มช่องทางการตลาดแบบมีส่วนร่วมผ่าน กีฬา Artist Management และเกมออนไลน์ และช่วยให้เจ้าของสินค้าสามารถสื่อสารเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผ่านช่องทางทั้ง online และ offline รวมถึงสื่อนอกบ้านแบบครบวงจรของบริษัทฯ รวมถึงการพัฒนามาตรวัดผล (Measurement) เพื่อเพิ่มมูลค่าของสื่อที่มีด้วยการร่วมกับบริษัท Telco ทำการวิจัยเชิงลึกจาก Cellular Data มาวัดประสิทธิภาพการเข้าถึงของสื่อและต่อยอดพัฒนาระบบการวางแผนสื่อในการเชื่อมต่อพฤติกรรมผู้บริโภคระหว่าง Online และ Offline (O2O) เข้าด้วยกัน โดยบริษัทฯ วางแผนที่จะเปิดตัวเฟส 1 ภายในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้

แม้การระบาดของ Covid-19 จะกระทบต่อธุรกิจคอนเทนต์ในระยะสั้น โดยทำให้การจัดกีฬาโอลิมปิคโตเกียว 2020 การแข่งขันฟุตบอล Thai League และทีมชาติ และการเลือกตั้ง BNK48 ถูกเลื่อนออกไป แต่บริษัทฯ ยังได้รับความมั่นใจจากคู่ค้าด้วยการร่วมมือสนับสนุนทุกรายการต่อเนื่องและมุ่งเน้นในการบริหารสิทธิการทำการตลาดให้เกิดประโยชน์สูงสุดเช่น 1) สร้างกระแสการแข่งขันโอลิมปิคและพัฒนาคอนเทนต์ได้ยาวขึ้นไปจนถึงปี 2021 และต่อด้วย Asian Game 2022 เพื่อสนับสนุนทัพนักกีฬาไทยอย่างต่อเนื่อง 2) ปรับปฏิทินการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพ Thai League ให้ตรงตามฤดูกาลแข่งขันแบบยุโรปเพื่อเลี่ยงการแข่งขันในหน้าฝนเพื่อคุณภาพการแข่งขันที่ดีขึ้นและเพิ่มปริมาณคนดูในสนาม 3) เร่งการสร้างประสบการณ์ระหว่างแบรนด์ผ่าน Content Partner ใหม่เช่น The Ska และไอดอลเกาหลีวง iKON ค่าย YG Entertainment ที่เพิ่มการเข้าถึงผู้บริโภคกับกลุ่มเป้าหมายที่กว้างและตรงจุดมากขึ้น 4) การเปิดตัวรายการใหม่ The Brothers Thailand Ep. 1 เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย กับการสร้างสุภาพบุรุษไอดอล เพื่อเพิ่มกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ในวงที่กว้างขึ้น

ในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เล็งเห็นความสำคัญในการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน จึงมีนโยบายมอบพื้นที่สื่อในการช่วยประชาสัมพันธ์ให้แก่หน่วยงานภาครัฐ เพื่อเผยแพร่ข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เช่น รายงานข่าวสารและสถานการณ์ติดเชื้อ การรณรงค์ให้ประชาชนอยู่บ้านเพื่อหยุดเชื้อ รวมถึงเป็นสื่อกลางในการส่งผ่านพลังบวกด้วยข้อความให้กำลังใจ พร้อมกับศิลปิน นักร้อง นักแสดง นักกีฬา และนักธุรกิจ ที่มีชื่อเสียงกว่า 70 ชีวิต ผ่านข้อความบนจอดิจิทอลแพลนบีกว่า 700 จอ ทั้งหมด 16 สื่อทั่วประเทศ เพื่อให้คนไทยร่วมแรงร่วมใจฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน

**ชะลอลงทุนโครงการใหม่ 

นายพินิจสรณ์ ลือชัยขจรพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แพลนบี มีเดีย จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ว่าการระบาดของโควิด-19  จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาวะเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมโฆษณาทั่วโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังคงเลือกลงทุนอย่างต่อเนื่องในโครงการที่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าในระยะยาว

รวมถึงมาตรการลดค่าใช้จ่าย ชะลอแผนการลงทุนในโครงการใหม่ๆ รักษาความมั่นคงในสถานะทางการเงิน และใช้เวลานี้เตรียมความพร้อมขององค์กร ในการ “ปรับกระบวนการ” และ ”เพิ่มศักยภาพ” การพัฒนาบุคลากรของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มมาตราฐานการให้บริการที่ดีต่อคู่ค้า ด้วยสถานะการเงินที่แข็งแรงและงบดุลที่แข็งแกร่ง ให้นักลงทุนสามารถมั่นใจได้ว่าบริษัทฯ มีความพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนในสถานการณ์ปัจจุบันและมั่นใจว่าองค์กรจะกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมทันทีหลังสถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติ

 

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : thunhoon.com