Contact us on +668 4668 1993 or aspasign2020@gmail.com

VGI ยังเติบโตแข็งแกร่ง สวนทางกลุ่มสื่อที่ทรงตัว

VGI ยังเติบโตแข็งแกร่ง สวนทางกลุ่มสื่อที่ทรงตัว
March 1, 2020 dhammarong

ากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ทำให้ภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาของปี 2563 อาจอยู่ในระดับทรงตัว โดยล่าสุด บริษัทนีลเส็น (ประเทศไทย) ได้เปิดตัวเลขงบโฆษณาเดือนมกราคม 2563 ออกมาหดตัว 1% และมีเม็ดเงินรวม 8,562 ล้านบาท สื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์ มีอัตราการเติบโตสูงสุดที่ 3.59% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รองลงมาคือ สื่อนอกบ้านที่มีการเติบโต 1.35%, ทีวีดาวเทียม/เคเบิลทีวี เติบโต 0.61%, สื่อทีวี เติบโต 0.26%, สื่ออินเทอร์เน็ต ทรงตัวเท่ากับช่วงเดียวกันของปีก่อน และสื่อเคลื่อนที่ไม่มีการเติบโต ในขณะที่สื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ นิตยสาร และสื่อในห้างยังหดตัวต่อเนื่อง

แม้ภาพรวมหุ้นกลุ่มสื่อในปีนี้อาจไม่ดีนัก แต่ไม่ใช่กับ VGI หรือ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) ที่นักวิเคราะห์หลายแห่งมีความเห็นตรงกันว่ายังเติบโตได้ดีสวนทางกับภาวะของกลุ่มฯ จากการผสมผสานทั้ง “สื่อนอกบ้าน” และ “สื่อออนไลน์” ผ่านการใช้ฐานข้อมูลในทุกแพลตฟอร์มของบริษัท ทำให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น (O2O Solutions) ขณะเดียวกันก็ตอบโจทย์แบรนด์ต่างๆ ด้วย

รายได้ Q4/62-63 อาจชะลอ แต่ยังสูงกว่าอุตสาหกรรม

นางจิตเกษม หมู่มิ่ง ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการเงิน บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4 ประจำปี 62/63 (ม.ค.-มี.ค. 63) อาจชะลอตัวจากไตรมาส 3 ประจำปี 62/63 (ต.ค.-ธ.ค. 62) ที่มีการเติบโตสูง เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ แต่คาดว่ายังเติบโตกว่าอุตสาหกรรม จากการเป็นผู้นำด้านสื่อทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ที่ครบวงจรที่สุดในประเทศ รวมถึงมีฐานข้อมูลลูกค้าจากแรบบิท การ์ด (Rabbit Card) และแรบบิท ไลน์เพย์ (Rabbit LINE Pay) ที่ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงมากขึ้น

โดยสิ้นเดือนธันวาคม 62 Rabbit Card มีฐานลูกค้ารวม 12.6 ล้านราย เพิ่มขึ้น 22.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ Rabbit LINE Pay มีฐานลูกค้ารวม 7 ล้านราย เพิ่มขึ้น 37.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

 

รายได้รวมปี 62/63 ต่ำเป้า หลังลดสัดส่วนการถือหุ้น MACO

ส่วนรายได้รวมปี 62/63 (เม.ย. 62- มี.ค. 63) นางจิตเกษมประเมินว่าจะอยู่ที่ราว 3,800-4,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะมีรายได้ 6,000-6,200 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,080 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 19.96% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO ให้แก่ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของ VGI ใน MACO ลดลงเหลือ 26.55% จากเดิมที่ 33.17% ทำให้รายได้ปรับตัวลดลง จากส่วนแบ่งรายได้ที่ลดลง

 

 

VGI ยังแข็งแกร่งแม้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

โดยบล.บัวหลวง มองว่า VGI เป็นหุ้นในกลุ่มสื่อที่ยังคงเติบโตได้แข็งแกร่งและมีเสถียรภาพ แม้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะไม่เอื้ออำนวยจากการกระจายความเสี่ยงไปในอุตสาหกรรมโฆษณาที่ยังเติบโตได้ดี เช่น ออนไลน์ รวมถึงยังสามารถเข้ากินเม็ดเงินโฆษณาในสื่ออื่นๆได้ จากข้อมูลที่มีในมือ โดยเรายังคงแนะนำ “ซื้อ”

ส่วนการรุกเข้าตลาดเวียดนามเป็นการเริ่มก้าวเข้าไปเพื่อแสดงให้พาร์ทเนอร์เห็นว่ามีศักยภาพในตลาดนี้ โดยพาร์ทเนอร์เป็นผู้ประกอบการสื่อนอกบ้านที่มีป้ายประมาณ 80 ป้าย และเป็นเบอร์ 1 ของตลาด (ส่วนใหญ่ป้าย Static และอุปทานยังไม่มาก) และมีแผนที่จะเข้าไปสู่ระบบขนส่งมวลชน

นอกจากนี้ หลัง MACO เข้าทำสัญญาให้ PLANB เป็นผู้บริหารสื่อโฆษณาทั้งหมดภายในประเทศเสร็จสิ้น MACO จะมีการ Write-off ป้ายบางส่วนที่ทับซ้อนกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นป้ายที่ขาดทุนอยู่แล้ว โดย MACO จะมีการบันทึกรายการพิเศษดังกล่าว แต่การรับรู้ค่าใช้จ่ายพิเศษดังกล่าวของ VGI จะถูกหักกลบกับรายการพิเศษของการเปลี่ยนสถานะ MACO (เพราะฉะนั้นจะไม่กระทบ VGI) และในระยะยาวจะประหยัดต้นทุนได้ราว 50 ล้านบาทต่อปี

 

 

อัตรากำไรสูงขึ้น หลังไม่ต้องควบรวมงบ MACO

บล.เอเชีย พลัส ให้ความเห็นว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่คาดว่ากำไรของ VGI ยัง สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูล (Rabbit, Rabbit Line Pay, Kerry) กระจายแหล่งรายได้ไปยังสื่อประเภทออนไลน์และสื่อโฆษณาประเภทอื่นๆ

ขณะเดียวกันการเปลี่ยนสถานะ MACO เป็นบริษัทร่วม ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแผนการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัท เนื่องจากกลุ่ม BTS ยังคงสัดส่วนถือหุ้นใน MACO สูงราว 41% และมองว่าจะเป็นผลดีต่อ VGI ทำให้อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไรปรับตัวสูงขึ้น เพราะไม่ต้องทำงบการเงินรวมกับ MACO และกลุ่มทรานส์แอด (ธุรกิจเกี่ยวกับวางระบบ) ซึ่งมีอัตรากำไรต่ำกว่า VGI โดยเป้ารายปี 62/63 ลดลงจาก 6-6.2 พันล้านบาท เหลือ 3.8-4 พันล้านบาท แต่ไม่ได้กระทบกับกำไรสุทธิ ทำให้อัตราส่วนกำไรขั้นต้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 40-50% เป็น 50% และอัตราส่วนกำไรสุทธิคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 20-25% เป็น 30-35%

ทั้งนี้ คาด กําไรปี 62/63 เท่ากับ 1,385 ล้านบาท เติบโต 26% จากปีก่อน คงคําแนะนํา ซื้อ โดยประเมิน ราคาที่เหมาะสม เท่ากับ 10.00 บาท

ขณะที่ภาพรวมกลุ่มสื่อยังโดนกดดันจากหลากหลายปัจจัยแต่ดูเหมือน VGI ในมุมมองของนักวิเคราะห์จะไม่ได้รับผลกระทบเท่าไหร่นัก จากความได้เปรียบในแพลตฟอร์มที่มีอยู่ ต้องมารอติดตามกันต่อไปว่าผลงานไตรมาส 4 ประจำปี 62/63 และผลประกอบการโดยรวมจะออกมาตามที่ประเมินไว้หรือไม่

 

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : wealthythai.com