วีจีไอ โกลบอล มีเดีย เข้าสู่ธุรกิจสื่อโฆษณาสำหรับรถไฟฟ้าบีทีเอสในปี 2541 และก้าวกระโดดมาเป็นผู้ให้บริการโฆษณาสื่อนอกบ้านอันดับหนึ่งในปี 2555 มาถึงวันนี้เป้าหมายของ วีจีไอคือ กำลังมุ่งสู่ผู้นำ O2O Solutions ซึ่งเป็นรายแรกและหนึ่งเดียวในประเทศไทย ด้วยวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้ให้บริการสื่อโฆษณาที่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งออฟไลน์และออนไลน์
วันนี้เรามีโอกาสได้พูดคุยกับ เนลสัน เหลียง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) ถึงภาพรวมตลาดสื่อโฆษณาในขณะนี้ที่ทำให้บริษัทต้องการขยายจากธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้าน เข้าสู่โลกใหม่ที่เชื่อมออฟไลน์และออนไลน์ไว้ด้วยกัน เพื่อโมเดลธุรกิจที่สมบูรณ์แบบท่ามกลางการแข่งขันในยุคนี้
“ภาพรวมของตลาดสื่อประเทศไทยในปัจจุบันนั้น ตลาดสื่อดั้งเดิมมีการเติบโตที่ชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ตลาดสื่อนอกบ้าน (Out Of Home Media) สื่อออนไลน์และดิจิทัลมีการเติบโตที่ค่อนข้างสูง อย่างสื่อนอกบ้านการเติบโตจะอยู่ที่ 10-15% ต่อปี ส่วนสื่อออนไลน์ดิจิทัลเติบโต 20-25% ต่อปี ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่ทาง VGI ได้ปู Business Model ไปเป็น O2O Solutions เพื่อตอบโจทย์เรื่องนี้ด้วยเพราะว่าเทรนด์ของตัว Out Of Home ก็จะส่งไปยังตัวออนไลน์และดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งนี่ก็เป็นที่มาที่ไปของการที่ VGI ได้สร้าง Business Model ใหม่ขึ้นมา”
และนี่จะเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึงวิถีชีวิตของผู้บริโภคได้อย่างครบวงจร ด้วย 3 แพลตฟอร์มหลักที่จะมาช่วยต่อเติม Ecosystem ตอกย้ำความเป็นผู้นำบริการ O2O Solutions ของ VGI
“การที่จะเป็นผู้ให้เช่าพื้นที่สื่อโฆษณาอย่างเดียวเป็นอะไรที่ไม่พอแล้ว เพราะว่าความต้องการของลูกค้าก็เปลี่ยนไปมาก อย่างแต่ก่อน แพลตฟอร์มที่เรามีคือสื่อโฆษณา สิ่งที่ทางเราให้กับลูกค้าได้คือการรับรู้ (Awareness) แต่ตอนนี้ไม่พอแล้ว ทุกคนต้องการ Solution นี่จึงเป็นที่มาให้ VGI ได้สร้างแพลตฟอร์มที่ครอบคลุม Customer Journey ทั้งหมด คือ ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านที่สร้างการรับรู้กับกลุ่มเป้าหมาย ธุรกิจให้บริการชำระเงิน ซึ่งทำให้คนได้เข้ามามีส่วนร่วม (Engagement) และธุรกิจโลจิสติกส์ที่ครบวงจร กระตุ้นให้คนได้ซื้อสินค้า ได้สัมผัสสินค้าจริง สามารถทำให้คนไปซื้อของได้จริง ๆ”
เนลสัน อธิบายต่ออีกว่า “ในส่วนของธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านนั้นครอบคลุมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสื่อ Transit ซึ่งอยู่บน BTS สื่อในอาคารสำนักงานและที่อยู่อาศัย ที่มีมากกว่า 170 ตึกทั่วทั้งประเทศ สื่อ BillBoard และ Street Furniture ซึ่งมีมากกว่า 2,200 จุดทั่วประเทศ สุดท้ายคือสื่อในสนามบิน ผ่าน Arrow Media ซึ่งมี Inventory มากกว่า 50%
โดยสื่อทั้งหมดนี้ล้วนสร้าง Awareness แต่มันยังไม่พอเพราะทุกวันนี้เราต้องการให้คน Engage กับสื่อของเราด้วย เพราะฉะนั้น VGI จึงเข้าไปลงทุนใน Rabbit Group ที่เป็นธุรกิจให้บริการชำระเงิน ประกอบไปด้วย Rabbit Card, Rabbit Line Pay, Rabbit Finance ทุกอย่างจะสามารถทำให้เรา ได้ใช้ฐานข้อมูลที่ผ่านการสมัครเป็นสมาชิกและการใช้งานของ Rabbit มาสร้าง Target Audience
เมื่อมีข้อมูลแล้วจะสามารถลิ้งค์สื่อทั้งออฟไลน์และออนไลน์ที่บนโทรศัพท์ได้ เช่น เมื่อผู้บริโภคไปที่สถานีสยาม เห็นโฆษณาบน BTS เมื่อเปิดโทรศัพท์ก็จะเห็นโฆษณาด้วยเช่นเดียวกัน โดยใช้ Data ที่ไปแมทช์กับ Social Media แล้วสื่อก็วิ่งกลับไปที่ผู้บริโภค
สุดท้ายธุรกิจโลจิสติกส์อย่างการลงทุนใน Kerry Express ก็เป็นเหมือนกับการสร้าง Physical Connectivity กับผู้บริโภค อย่างเวลาสั่งของ เมื่อส่งของแล้ว เราก็จะได้รับข้อมูลของผู้ใช้กลับมาด้วย ก็เป็น Ecosystem ที่สมบูรณ์”
ซึ่งปัจจุบันราย 90% มาจาก Advertising และอีก 10% มาจาก Payment ซึ่งในอีก 3 ปีข้างหน้า คุณเนลสันคิดว่ารายได้ที่มาจาก Advertising จะลดลงเหลือ 60% ส่วนอีก 20% มาจาก Payment และอีก 20% จาก Logistic นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่าในอนาคต ตลาด e-Commerce ต้องมาแน่นอน การที่จะรองรับตลาด e-Commerce ที่เติบโตนั้น ต้องมีแพลตฟอร์มที่ดี ก็คือ 3 แพลตฟอร์มที่ได้กล่าวไป ซึ่งลูกค้า e-Commerce ต้องได้ใช้งานอย่างแน่นอน
เนลสันมองว่าข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ในอีก 5 ปีข้างหน้า หลายธุรกิจจะต้องขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพราะต้องเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค และสิ่งที่ลูกค้าต้องการก็คือการที่สามารถวัดผลได้จริงจาก Solution ที่เราสร้าง จึงต้องพัฒนาสื่อที่มีของเราให้ตอบสนองทุกพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด ตามวิสัยทัศน์โซลูชั่นส์แห่งอนาคตพร้อมด้วยการเป็นพันธมิตรกับผู้นำธุรกิจจากทั่วโลกที่ช่วยส่งเสริมธุรกิจหลักที่เรามีอยู่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือหลักสำคัญที่ทำให้เราเติบโตอย่างแตกต่างตลอดมา
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : brandage.com